บทความ

สารมาตรฐาน (CRM) คืออะไร ทำไมจึงสำคัญในห้องแล็บ?

สารมาตรฐาน (CRM) คืออะไร ทำไมจึงสำคัญในห้องแล็บ?

ทำความเข้าใจความหมายและบทบาทของสารมาตรฐานในงานวิเคราะห์คุณภาพ และเหตุผลที่ไม่ควรมองข้ามการใช้งาน

สารมาตรฐาน (CRM) คืออะไร ทำไมจึงสำคัญในห้องแล็บ?

สารมาตรฐาน หรือ Certified Reference Material (CRM) คือสารหรือวัสดุที่มีองค์ประกอบหรือคุณสมบัติซึ่งได้รับการวัดค่าอย่างแม่นยำและมีการรับรองตามมาตรฐานสากล โดยผ่านกระบวนการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับ เช่น NIST, ISO, หรือองค์กรวิทยาศาสตร์ชั้นนำ

สารมาตรฐานถูกใช้เป็น “บรรทัดฐาน” สำหรับการตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องมือวิเคราะห์ การสอบเทียบ (Calibration) การควบคุมคุณภาพ (Quality Control) และการทวนสอบ (Validation) ในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์

ทำไม CRM จึงมีความสำคัญในห้องแล็บ?

1. เพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์
การใช้งาน CRM ช่วยยืนยันว่าเครื่องมือวิเคราะห์ เช่น HPLC, GC-MS, AAS หรือ ICP-OES ให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นหัวใจของการวิเคราะห์ในงานวิจัย การควบคุมคุณภาพ หรือแม้แต่การรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์

2. จำเป็นในการสอบเทียบเครื่องมือ
เครื่องมือวิเคราะห์ต้องได้รับการสอบเทียบอย่างสม่ำเสมอ CRM ช่วยเป็นสารอ้างอิงเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องมือยังคงให้ผลลัพธ์ในค่าที่กำหนดไว้ตามมาตรฐาน

3. ใช้ในการควบคุมคุณภาพภายใน
ห้องแล็บที่มีมาตรฐาน ISO/IEC 17025 หรือ ISO 9001 จำเป็นต้องมีระบบควบคุมคุณภาพอย่างเคร่งครัด การใช้ CRM ในการวิเคราะห์ซ้ำหรือวิเคราะห์ตัวอย่างควบคุมช่วยตรวจสอบคุณภาพของผลวิเคราะห์อย่างสม่ำเสมอ

4. เป็นหลักฐานในการตรวจสอบย้อนกลับ
ผลการวิเคราะห์ที่อ้างอิงจาก CRM สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงค่ามาตรฐานสากล ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบภายนอกหรือการรับรองจากหน่วยงานราชการ

5. สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา
การทดลองวิจัยต้องการข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ การใช้สารมาตรฐานช่วยให้นักวิจัยมั่นใจในผลลัพธ์ และสามารถเปรียบเทียบหรือเผยแพร่ผลวิจัยในระดับสากลได้

ประเภทของ CRM ที่ใช้บ่อย

  • สารละลายมาตรฐาน (Standard Solution) เช่น CRM สำหรับโลหะหนักในน้ำ

  • สารมาตรฐานทางชีวภาพ เช่น DNA Reference Material

  • วัสดุมาตรฐานในรูปแบบของแข็ง เช่น ดิน น้ำตะกอน อาหาร

หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือหรือสารเคมีสำหรับงานวิจัยที่เชื่อถือได้ ให้เราช่วยคุณค้นหาสิ่งที่ใช่สำหรับงานของคุณ

📞 ติดต่อฝ่ายขาย: 062-053-4839 (คุณพลอย) | 096-860-0594 (คุณออย)

📧 อีเมล: geefin.rubbertech@gmail.com

หรือกรอกฟอร์มติดต่อเราได้ที่หน้า “ติดต่อเรา”

บทความที่เกี่ยวข้อง

5 ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนซื้ออุปกรณ์แล็บ

การเลือกซื้ออุปกรณ์แล็บไม่ได้เป็นเพียงแค่การซื้อของใช้ในห้องปฏิบัติการเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อคุณภาพ ความแม่นยำ และความปลอดภัยในการทำงานวิจัยหรือการทดลองทางวิทยาศาสตร์ หากเลือกอุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในการทดลอง เสียเวลา และสิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็น บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 5 ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้ออุปกรณ์แล็บ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งาน และคุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด 1. คุณภาพและมาตรฐานของอุปกรณ์ อุปกรณ์แล็บควรผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น ISO, CE หรือมาตรฐานเฉพาะในอุตสาหกรรมที่คุณใช้งาน เพราะสิ่งเหล่านี้การันตีถึงคุณภาพ ความปลอดภัย และความแม่นยำในการใช้งาน ควรเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและได้รับความเชื่อถือจากนักวิจัยหรือห้องแล็บชั้นนำ 2. ความเหมาะสมกับงานทดลอง ไม่ใช่ทุกอุปกรณ์จะเหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบ ควรพิจารณาให้ชัดเจนว่าอุปกรณ์ที่กำลังจะซื้อสามารถรองรับขั้นตอนการทดลองหรือวิเคราะห์ที่ต้องการได้หรือไม่ เช่น ความจุ ความละเอียดของการวัด หรือวัสดุที่ทนต่อสารเคมีเฉพาะ 3. งบประมาณและความคุ้มค่า เปรียบเทียบราคากับคุณสมบัติที่ได้รับ อย่ามองแค่ราคาถูกในระยะสั้น แต่ให้พิจารณารวมถึงอายุการใช้งาน การบำรุงรักษา อะไหล่ และการรับประกันเพื่อให้การลงทุนคุ้มค่าในระยะยาว 4. บริการหลังการขายและการรับประกัน เลือกผู้จัดจำหน่ายที่มีบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้ เช่น การรับประกันสินค้า บริการซ่อมบำรุง การอบรมการใช้งาน และการให้คำปรึกษาทางเทคนิคในระยะยาว 5. การจัดส่งและความพร้อมในการใช้งาน อุปกรณ์บางประเภทต้องการการติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือมีข้อจำกัดด้านการจัดส่ง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้จัดจำหน่ายสามารถจัดส่งได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย

อ่านต่อ +

การเลือกใช้บีกเกอร์และขวดวัดปริมาตรให้เหมาะสมกับการทดลอง

ในงานวิทยาศาสตร์และการทดลองในห้องปฏิบัติการ เครื่องแก้ว เช่น บีกเกอร์ (Beaker) และขวดวัดปริมาตร (Volumetric Flask) ถือเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ขาดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เครื่องแก้วแต่ละประเภทมีหน้าที่และความเหมาะสมต่อการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกใช้อย่างถูกต้องไม่เพียงช่วยให้ผลการทดลองแม่นยำขึ้น แต่ยังช่วยลดความผิดพลาดและความสิ้นเปลืองในกระบวนการทดลอง บทความนี้จะช่วยคุณทำความเข้าใจลักษณะการใช้งานที่เหมาะสมของบีกเกอร์และขวดวัดปริมาตร เพื่อให้สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ได้อย่างถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของงานวิจัยหรือการทดลอง 🧪 บีกเกอร์ (Beaker) – สำหรับการผสมและถ่ายเทสาร บีกเกอร์เป็นภาชนะทรงกระบอกที่มีขีดบอกปริมาตรโดยประมาณ ใช้สำหรับงานทั่วไป เช่น ผสมสารเคมี ต้มหรือให้ความร้อน ถ่ายเทสารจากภาชนะหนึ่งไปยังอีกภาชนะ อย่างไรก็ตาม ขีดปริมาตรบนบีกเกอร์ไม่ได้มีความแม่นยำสูง จึงไม่เหมาะสำหรับการวัดปริมาตรที่ต้องการความแม่นยำ 🧴 ขวดวัดปริมาตร (Volumetric Flask) – สำหรับการเตรียมสารละลายที่แม่นยำ ขวดวัดปริมาตรถูกออกแบบมาเพื่อการเตรียมสารละลายที่มีความเข้มข้นแน่นอน มีลักษณะเป็นขวดคอยาว มีคอแคบ และมีเส้นวัดปริมาตรที่แม่นยำมาก เหมาะสำหรับ การเตรียมสารละลายมาตรฐาน การเจือจางสารที่ต้องการค่าความเข้มข้นแน่นอน การวิเคราะห์เชิงปริมาณในห้องแล็บ 🎯 สรุปการเลือกใช้งาน ประเภทอุปกรณ์ เหมาะสำหรับ ไม่เหมาะสำหรับ บีกเกอร์ ผสมสาร,

อ่านต่อ +

เจลอิเล็กโตรโฟเรซิส: เทคโนโลยีแยกสารที่แม่นยำในห้องปฏิบัติการ

เจลอิเล็กโตรโฟเรซิส (Gel Electrophoresis) คือหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ใช้ในการแยกสารชีวโมเลกุล โดยเฉพาะกรดนิวคลีอิก (DNA, RNA) และโปรตีน เทคโนโลยีนี้มีบทบาทอย่างยิ่งในงานวิจัยทางด้านชีววิทยา อณูชีววิทยา พันธุศาสตร์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีววิทยาศาสตร์ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับหลักการทำงาน ประเภทของเจล เทคนิคที่ใช้ และการประยุกต์ใช้ในงานวิจัย เพื่อให้เข้าใจว่าเหตุใดเจลอิเล็กโตรโฟเรซิสจึงเป็นเครื่องมือแยกสารที่แม่นยำและน่าเชื่อถือ 🔬 หลักการทำงานของเจลอิเล็กโตรโฟเรซิส เทคนิคนี้ใช้หลักการของไฟฟ้าในการแยกโมเลกุล โดยสารที่ต้องการแยกจะถูกวางลงในเจล แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าให้วิ่งผ่าน เจลจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจำกัดการเคลื่อนที่ของโมเลกุล สารที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่างกันหรือมีประจุต่างกันจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่างกัน ทำให้สามารถแยกออกจากกันได้ ⚗️ ประเภทของเจลที่ใช้ Agarose Gel: เหมาะสำหรับการแยก DNA หรือ RNA โดยเฉพาะในงานวิเคราะห์ทางพันธุกรรม Polyacrylamide Gel (PAGE): นิยมใช้สำหรับแยกโปรตีน หรือ DNA ขนาดเล็กที่ต้องการความละเอียดสูง 🧪 การประยุกต์ใช้งาน วิเคราะห์ขนาดของ DNA/RNA เพื่อศึกษาทางพันธุกรรม ตรวจสอบคุณภาพของโปรตีนหรือสารชีวโมเลกุล ตรวจหาเชื้อโรคหรือยีนเฉพาะในงานทางการแพทย์ ใช้ในกระบวนการผลิตและควบคุมคุณภาพในอุตสาหกรรมชีวภาพ 💡

อ่านต่อ +

เเชร์บทความนี้