เมื่อซื้อสินค้าครบคู่กัน “เครื่องแก้ว” และ “สารเคมี” รวมกันในคำสั่งซื้อเดียว รับส่วนลดพิเศษทันที 12% จากราคาปกติ โปรนี้สำหรับลูกค้าออนไลน์เท่านั้น
geefin scientific solution
เมื่อซื้อสินค้าครบคู่กัน “เครื่องแก้ว” และ “สารเคมี” รวมกันในคำสั่งซื้อเดียว รับส่วนลดพิเศษทันที 12% จากราคาปกติ โปรนี้สำหรับลูกค้าออนไลน์เท่านั้น
หน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา หรือห้องแล็บที่ใช้เอกสารภาครัฐ รับส่วนลดเพิ่มอีก 5% ทุกรายการ พร้อมเงื่อนไขการออกใบเสนอราคาและใบกำกับภาษีอย่างถูกต้อง
กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้อง! Culture Media จากแบรนด์ดังลดทันที 20% เพียง 7 วันเท่านั้น (1–7 ก.ค. 2568) สั่งซื้อผ่านหน้าเว็บหรือไลน์เท่านั้น
เพื่อความมั่นใจในการใช้งานจริง ทุกการสั่งซื้อสารมาตรฐานกับเรา คุณจะได้รับใบ Certificate of Analysis (COA) พร้อมสินค้าฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
การเลือกซื้ออุปกรณ์แล็บไม่ได้เป็นเพียงแค่การซื้อของใช้ในห้องปฏิบัติการเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อคุณภาพ ความแม่นยำ และความปลอดภัยในการทำงานวิจัยหรือการทดลองทางวิทยาศาสตร์ หากเลือกอุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในการทดลอง เสียเวลา และสิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็น
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 5 ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้ออุปกรณ์แล็บ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งาน และคุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด
1. คุณภาพและมาตรฐานของอุปกรณ์
อุปกรณ์แล็บควรผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น ISO, CE หรือมาตรฐานเฉพาะในอุตสาหกรรมที่คุณใช้งาน เพราะสิ่งเหล่านี้การันตีถึงคุณภาพ ความปลอดภัย และความแม่นยำในการใช้งาน ควรเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและได้รับความเชื่อถือจากนักวิจัยหรือห้องแล็บชั้นนำ
2. ความเหมาะสมกับงานทดลอง
ไม่ใช่ทุกอุปกรณ์จะเหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบ ควรพิจารณาให้ชัดเจนว่าอุปกรณ์ที่กำลังจะซื้อสามารถรองรับขั้นตอนการทดลองหรือวิเคราะห์ที่ต้องการได้หรือไม่ เช่น ความจุ ความละเอียดของการวัด หรือวัสดุที่ทนต่อสารเคมีเฉพาะ
3. งบประมาณและความคุ้มค่า
เปรียบเทียบราคากับคุณสมบัติที่ได้รับ อย่ามองแค่ราคาถูกในระยะสั้น แต่ให้พิจารณารวมถึงอายุการใช้งาน การบำรุงรักษา อะไหล่ และการรับประกันเพื่อให้การลงทุนคุ้มค่าในระยะยาว
4. บริการหลังการขายและการรับประกัน
เลือกผู้จัดจำหน่ายที่มีบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้ เช่น การรับประกันสินค้า บริการซ่อมบำรุง การอบรมการใช้งาน และการให้คำปรึกษาทางเทคนิคในระยะยาว
5. การจัดส่งและความพร้อมในการใช้งาน
อุปกรณ์บางประเภทต้องการการติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือมีข้อจำกัดด้านการจัดส่ง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้จัดจำหน่ายสามารถจัดส่งได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีคำแนะนำในการติดตั้งหรือเริ่มใช้งานอย่างชัดเจน
หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือหรือสารเคมีสำหรับงานวิจัยที่เชื่อถือได้ ให้เราช่วยคุณค้นหาสิ่งที่ใช่สำหรับงานของคุณ
📞 ติดต่อฝ่ายขาย: 062-053-4839 (คุณพลอย) | 096-860-0594 (คุณออย)
📧 อีเมล: geefin.rubbertech@gmail.com
หรือกรอกฟอร์มติดต่อเราได้ที่หน้า “ติดต่อเรา”
ในงานวิทยาศาสตร์และการทดลองในห้องปฏิบัติการ เครื่องแก้ว เช่น บีกเกอร์ (Beaker) และขวดวัดปริมาตร (Volumetric Flask) ถือเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ขาดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เครื่องแก้วแต่ละประเภทมีหน้าที่และความเหมาะสมต่อการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกใช้อย่างถูกต้องไม่เพียงช่วยให้ผลการทดลองแม่นยำขึ้น แต่ยังช่วยลดความผิดพลาดและความสิ้นเปลืองในกระบวนการทดลอง
บทความนี้จะช่วยคุณทำความเข้าใจลักษณะการใช้งานที่เหมาะสมของบีกเกอร์และขวดวัดปริมาตร เพื่อให้สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ได้อย่างถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของงานวิจัยหรือการทดลอง
🧪 บีกเกอร์ (Beaker) – สำหรับการผสมและถ่ายเทสาร
บีกเกอร์เป็นภาชนะทรงกระบอกที่มีขีดบอกปริมาตรโดยประมาณ ใช้สำหรับงานทั่วไป เช่น
ผสมสารเคมี
ต้มหรือให้ความร้อน
ถ่ายเทสารจากภาชนะหนึ่งไปยังอีกภาชนะ
อย่างไรก็ตาม ขีดปริมาตรบนบีกเกอร์ไม่ได้มีความแม่นยำสูง จึงไม่เหมาะสำหรับการวัดปริมาตรที่ต้องการความแม่นยำ
🧴 ขวดวัดปริมาตร (Volumetric Flask) – สำหรับการเตรียมสารละลายที่แม่นยำ
ขวดวัดปริมาตรถูกออกแบบมาเพื่อการเตรียมสารละลายที่มีความเข้มข้นแน่นอน มีลักษณะเป็นขวดคอยาว มีคอแคบ และมีเส้นวัดปริมาตรที่แม่นยำมาก เหมาะสำหรับ
การเตรียมสารละลายมาตรฐาน
การเจือจางสารที่ต้องการค่าความเข้มข้นแน่นอน
การวิเคราะห์เชิงปริมาณในห้องแล็บ
🎯 สรุปการเลือกใช้งาน
ประเภทอุปกรณ์ | เหมาะสำหรับ | ไม่เหมาะสำหรับ |
---|---|---|
บีกเกอร์ | ผสมสาร, ถ่ายเท, อุ่นสาร | วัดปริมาตรที่ต้องการความแม่นยำสูง |
ขวดวัดปริมาตร | เตรียมสารละลายที่มีค่าความเข้มข้นเฉพาะ | ผสมสารหลายชนิดในปริมาณมาก |
✅ เคล็ดลับเพิ่มเติม
ทำความสะอาดอุปกรณ์ก่อนและหลังการใช้งานเสมอ
ใช้เครื่องมือช่วย เช่น กรวยกรองหรือหลอดดูดเมื่อต้องเทสารลงในขวดวัดปริมาตร
ตรวจสอบว่าอุปกรณ์อยู่ในอุณหภูมิที่กำหนด (เช่น 20°C) หากต้องการความแม่นยำ
หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือหรือสารเคมีสำหรับงานวิจัยที่เชื่อถือได้ ให้เราช่วยคุณค้นหาสิ่งที่ใช่สำหรับงานของคุณ
📞 ติดต่อฝ่ายขาย: 062-053-4839 (คุณพลอย) | 096-860-0594 (คุณออย)
📧 อีเมล: geefin.rubbertech@gmail.com
หรือกรอกฟอร์มติดต่อเราได้ที่หน้า “ติดต่อเรา”
เจลอิเล็กโตรโฟเรซิส (Gel Electrophoresis) คือหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ใช้ในการแยกสารชีวโมเลกุล โดยเฉพาะกรดนิวคลีอิก (DNA, RNA) และโปรตีน เทคโนโลยีนี้มีบทบาทอย่างยิ่งในงานวิจัยทางด้านชีววิทยา อณูชีววิทยา พันธุศาสตร์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีววิทยาศาสตร์
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับหลักการทำงาน ประเภทของเจล เทคนิคที่ใช้ และการประยุกต์ใช้ในงานวิจัย เพื่อให้เข้าใจว่าเหตุใดเจลอิเล็กโตรโฟเรซิสจึงเป็นเครื่องมือแยกสารที่แม่นยำและน่าเชื่อถือ
🔬 หลักการทำงานของเจลอิเล็กโตรโฟเรซิส
เทคนิคนี้ใช้หลักการของไฟฟ้าในการแยกโมเลกุล โดยสารที่ต้องการแยกจะถูกวางลงในเจล แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าให้วิ่งผ่าน เจลจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจำกัดการเคลื่อนที่ของโมเลกุล สารที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่างกันหรือมีประจุต่างกันจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่างกัน ทำให้สามารถแยกออกจากกันได้
⚗️ ประเภทของเจลที่ใช้
Agarose Gel: เหมาะสำหรับการแยก DNA หรือ RNA โดยเฉพาะในงานวิเคราะห์ทางพันธุกรรม
Polyacrylamide Gel (PAGE): นิยมใช้สำหรับแยกโปรตีน หรือ DNA ขนาดเล็กที่ต้องการความละเอียดสูง
🧪 การประยุกต์ใช้งาน
วิเคราะห์ขนาดของ DNA/RNA เพื่อศึกษาทางพันธุกรรม
ตรวจสอบคุณภาพของโปรตีนหรือสารชีวโมเลกุล
ตรวจหาเชื้อโรคหรือยีนเฉพาะในงานทางการแพทย์
ใช้ในกระบวนการผลิตและควบคุมคุณภาพในอุตสาหกรรมชีวภาพ
💡 ข้อดีของเทคโนโลยีเจลอิเล็กโตรโฟเรซิส
ให้ผลแม่นยำและชัดเจน
ประหยัดและง่ายต่อการทำซ้ำ
เหมาะกับทั้งงานวิจัยพื้นฐานและประยุกต์
หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือหรือสารเคมีสำหรับงานวิจัยที่เชื่อถือได้ ให้เราช่วยคุณค้นหาสิ่งที่ใช่สำหรับงานของคุณ
📞 ติดต่อฝ่ายขาย: 062-053-4839 (คุณพลอย) | 096-860-0594 (คุณออย)
📧 อีเมล: geefin.rubbertech@gmail.com
หรือกรอกฟอร์มติดต่อเราได้ที่หน้า “ติดต่อเรา”
การวัดค่า pH เป็นขั้นตอนสำคัญในหลากหลายงานวิจัยและอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นในห้องปฏิบัติการทางเคมี การผลิตอาหาร การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือแม้กระทั่งงานเกษตรกรรม การเลือกเครื่องมือวัดค่า pH ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และคำถามยอดนิยมคือ: ระหว่าง pH แบบดิจิทัล กับแบบแถบวัด (pH Test Strip) แบบไหนดีกว่ากัน?
บทความนี้จะช่วยเปรียบเทียบทั้งสองประเภท พร้อมข้อดีข้อเสีย เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
🔹 เครื่องวัด pH แบบดิจิทัล (Digital pH Meter)
เครื่องวัด pH แบบดิจิทัลเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ให้ค่าความแม่นยำสูง และสามารถอ่านค่าผ่านหน้าจอได้โดยตรง
ข้อดี:
ความแม่นยำสูง (บางรุ่นให้ค่าได้ถึง 0.01 pH)
เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการผลที่เชื่อถือได้ เช่น งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ หรือควบคุมคุณภาพ
บางรุ่นสามารถบันทึกข้อมูลหรือเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้
ข้อจำกัด:
ราคาสูงกว่าชนิดแถบวัด
ต้องมีการบำรุงรักษา เช่น การสอบเทียบด้วยสาร Buffer และการดูแลหัววัด
🔸 แถบวัดค่า pH (pH Test Strip)
แถบวัด pH เป็นกระดาษที่เคลือบด้วยสารที่เปลี่ยนสีตามความเป็นกรด-ด่างของสารละลาย
ข้อดี:
ราคาถูก พกพาสะดวก ใช้งานง่าย
ไม่ต้องใช้พลังงานหรือการสอบเทียบ
เหมาะสำหรับการตรวจสอบเบื้องต้น หรือการใช้งานภาคสนาม
ข้อจำกัด:
ความแม่นยำไม่สูง (โดยทั่วไปอ่านค่าห่างเป็นช่วง ๆ เช่น 1 pH)
การแปรผลขึ้นอยู่กับสายตาและสี จึงมีโอกาสผิดพลาด
🔍 ควรเลือกแบบไหน?
หากคุณทำงานในห้องปฏิบัติการ งานควบคุมคุณภาพ หรือต้องการความแม่นยำสูง → แนะนำแบบดิจิทัล
หากคุณต้องการวัด pH อย่างรวดเร็วในพื้นที่ภาคสนาม หรือมีงบประมาณจำกัด → แบบแถบวัดอาจเหมาะสมกว่า
หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือหรือสารเคมีสำหรับงานวิจัยที่เชื่อถือได้ ให้เราช่วยคุณค้นหาสิ่งที่ใช่สำหรับงานของคุณ
📞 ติดต่อฝ่ายขาย: 062-053-4839 (คุณพลอย) | 096-860-0594 (คุณออย)
📧 อีเมล: geefin.rubbertech@gmail.com
หรือกรอกฟอร์มติดต่อเราได้ที่หน้า “ติดต่อเรา”
15 อาคาร C อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคใต้ หมู่ที่ 6 ต.ทุ่งใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
เว็บไซต์ www.geefinscientific.com มีการใช้งานเทคโนโลยีคุกกี้ หรือ เทคโนโลยีอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงกันกับคุกกี้ บนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษา นโยบายการใช้คุกกี้ และ นโยบายความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ก่อนใช้บริการเว็บไซต์ ได้ที่ลิงค์ด้านล่าง